Why Nostr? What is Njump?
2023-07-28 09:27:12

trinkrit on Nostr: 🩷🩷 ...

🩷🩷
"นี่คือเรื่องราวของคอมมูนิตี้บิตคอยน์ในไทย ที่ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นกว่าที่ผมเคยคาดไว้ และดูเหมือนพวกเขาจะมีอนาคตที่ยาวไกลอย่างแน่นอน.."

~บันทึกโดย Koji Higashi บิตคอยเนอร์ญี่ปุ่นสุดเท่แห่ง Diamond Hands (หนึ่งในสปีกเกอร์ของงาน #BTC2023)



#ก่อนบินมางาน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมเพิ่งไปเยือนกรุงเทพฯ และได้ไปร่วมงาน Bitcoin Thailand Conference 2023 มาหมาด ๆ เลยครับ งานบิตคอยน์ปีนี้ในเอเชียเริ่มตั้งแต่ที่เวียดนามตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา งานที่เวียดนามนั้นถือว่าดีมากในหลาย ๆ มิติ แต่งานในไทยสำหรับผมแล้วมันน่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อไม่แพ้กันเลย ผมจะสรุปประสบการณ์การเดินทางและความประทับใจครั้งนี้ให้ฟังนะครับ

จริง ๆ ตัวผมเองไปเยือนคอมมูนิตี้บิตคอยน์มาแล้วหลายประเทศในช่วงปี 2016-2017 ช่วงนั้นมีผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจบิตคอยน์ไม่ได้เยอะอะไร พวกเราก็ทำงานกันหนักมาตลอดเพื่อให้คนได้เข้าใจบิตคอยน์กันมากขึ้น แต่แล้วหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดดในแต่ละประเทศ

เพราะเอาแค่ในเอเชียเอง แต่ก่อนเราไม่สามารถเรียกว่า “คอมมูนิตี้” ได้เลย เพราะมันเพิ่งเริ่มอยู่ในช่วงตั้งไข่ในหลาย ๆ ประเทศ (แถมยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ ระหว่างทาง) แต่มาวันนี้พอได้เห็นหลายคนที่เคยทำงานหนักในการให้ความรู้ในระดับรากหญ้ามาก่อนกลายมาเป็นคนสำคัญในแวดวงบิตคอยน์ในแต่ละประเทศได้แล้ว ผมประทับใจจริง ๆ แล้วตอนนี้คอมมูนิตี้บิตคอยน์ก็มีความสนิทสนมและเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้คนมากมายที่ผมรู้จักมาตั้งแต่สมัยมันยังไม่มีคอมมูนิตี้เลยด้วยซ้ำ

นั่นคือสิ่งที่ผมเคยสัมผัสมาตลอด และตอนนี้ผมจะพูดให้เห็นภาพว่างาน Bitcoin Thailand Conference นั้นเป็นอย่างไร และบรรยากาศของคอมมูนิตี้บิตคอยน์ของไทยนั้นเป็นแบบไหน ไปฟังกันเลยครับ

...............

#คืนก่อนวันงาน

ก่อนวันงานอีเวนท์ บรรยากาศหลาย ๆ อย่างทำให้ผมกังวลพอสมควร

ผมได้ยินมาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้วว่าประเทศไทยจะมีงานบิตคอยน์ในเดือนกรกฎาคม แต่แทบไม่มีรายละเอียดหรือข้อมูลอะไรออกมาให้เราเห็นจนแทบจะวินาทีสุดท้ายก่อนวันงาน แต่ทำไมบัตรถึงขายหมดได้อย่างน่าฉงนนะ? มันดูมีความเร่งรีบและวุ่น ๆ พิกล ซึ่งทำให้ผมตอนนั้นกังวลมากว่างานจะออกมาเวิร์กหรือเปล่า?

แล้วผมก็ได้รับเชิญให้เป็นสปีกเกอร์ในงานนี้ แต่ผมแทบไม่รู้อะไรเลยว่าให้พูดเรื่องอะไรใน panel ไหน มารู้ข้อมูลเอาจริง ๆ ก็โค้งสุดท้ายแล้ว ผมก็นั่งคิดว่า เอ..จะพูดอะไรดีนะ แต่เรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นปกติของงานบิตคอยน์นะ เพราะมันค่อนข้างสบาย ๆ เป็นกันเองอยู่แล้ว

ตอนแรกที่เห็นโปสเตอร์งานใบแรก ผมรู้สึกว่ามันมีความ “บิตค้อยน์ บิตคอยน์” แบบพิลึก ๆ ที่ผมอธิบายไม่ถูก มันรู้สึกมีความเป็นงานแบบไทย ๆ ที่ผมเองไม่ชิน เอ้อ! ผมไม่ได้ตำหนิหรือบอกว่ามันไม่ดีอะไรนะ อย่าเข้าใจผิด ฮ่าๆๆๆ

ยิ่งบวกกับบรรยากาศชิลล์ ๆ ของประเทศเขตร้อนชื้นแบบไทย ผมเริ่มมีความรู้สึกเหมือนแวะไปงานอีเวนท์ระหว่างพักร้อน จนกระทั่งผมได้เห็นตัวงานจริง ๆ ไม่ใช่เฉพาะตัวอีเวนท์ด้วยนะ แต่รวมถึงสถานที่จัดงานด้วย โอ้โห พวกเขาจัดงานได้ดีกว่าที่ผมคาดเยอะมาก แถมยังมีคนไทยหลายร้อยคนมารวมตัวกันในงานนี้ บรรยากาศมันสุดยอดมาก ๆ เหลือเชื่อสุด ๆ

ตึกที่จัดงานนี้คือทรู ดิจิทัล พาร์กที่ยังใหม่เอี่ยม สวยงาม และดูจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพท้องถิ่น

ทันทีที่ผมก้าวเข้าสู่หน้างาน ใบหน้าและชื่อของสปีกเกอร์แต่ละรายก็ฉายขึ้นบนเสาตระหง่านหน้าทางเข้า มันสร้างฟีลลิ่งสวยหรูเลอค่าให้กับอีเวนท์นี้มาก ๆ มันมอบบรรยากาศความ “พรีเมียม” ให้กับตัวงานในทันที

...............

#เนื้อหาในงาน

โดยรวมเนื้อหาในงานมีหลายส่วนที่คล้าย ๆ กับงานบิตคอยน์ที่อื่น ยังไม่ค่อยมีเนื้อหาระดับ advanced จนเกินไป ถ้าถามผมแค่เฉพาะในส่วนของเนื้อหาอย่างเดียว ผมยังมองว่างานที่เวียดนามที่เหมาะกับชาวต่างชาติในแวดวงบิตคอยน์มากกว่า ถือว่ามีเนื้อหาโดยรวมที่เต็มอิ่มกว่า

แต่เป็นเพราะผู้จัดงานในไทยตั้งใจทำเนื้อหาให้มือใหม่ที่สนใจบิตคอยน์เข้าถึงได้ง่ายกว่า ผมจำได้ว่ามีสปีกเกอร์ท่านนึงที่ขอถอนตัวกะทันหันในคืนก่อนวันงาน จน Kishin Kato ได้รับเลือกให้ขึ้นไปพูดแทนใน panel เรื่องทางด้านกฎหมาย (ผมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เห็นอีกทีคิชินคุงอยู่บนเวทีแล้ว! ฮ่าๆๆ) แต่ภาพรวมของงานผมคิดว่าพวกเขาจัดหัวข้อต่าง ๆ ได้หลากหลายลงตัวมาก โดยยึดหลักว่ามือใหม่ก็จะเข้าใจได้ง่ายด้วย

ตัวผมเองได้ถึงพูด 2 panel คือเรื่องคอมมูนิตี้ในเอเชียและเรื่องการทำ routing node ซึ่งผมพูดเอาไว้บนเวทีประมาณนี้ครับ :
.
1. แต่ละคอมมูนิตี้มีความต้องการไม่เหมือนกัน ฉะนั้นต้องแยกให้ออกว่าข้อมูลความรู้แบบไหนที่จะเหมาะกับวัฒนธรรมของแต่ละคอมมูนิตี้และตลาดในประเทศนั้น
.
2. กิจกรรมให้ความรู้และงานอีเวนท์แบบนี้สำคัญเช่นกัน แต่มันยังไม่พอ เพราะในเอเชียเรานั้นมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาบิตคอยน์ค่อนข้างน้อย ทำให้ผู้นำของคอมมูนิตี้ต่าง ๆ กลายเป็นคนสำคัญในการดึงเอาเรื่องธุรกิจเข้ามาในแวดวงบิตคอยน์ให้ได้ เพื่อสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่ ๆ ในวงการบิตคอยน์ ตัวผมเองคิดถึงเรื่องนี้มาตลอดเช่นกัน
.
3. ส่วนเรื่องการทำ routing node ตอนนี้เหมือนว่าจะเป็นตัวเร่งให้เกิดคอมมูนิตี้บิตคอยน์ในญี่ปุ่นเลยล่ะ แต่ความต้องการในด้านนี้ในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันอีก ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเน้นเรื่องนี้อย่างเดียวก็ได้ครับ
.
4. น่าจะเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะทำกำไรจากการ routing node ได้ แต่การทำ routing มีความน่าสนใจเพราะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และเพิ่มความเข้าใจด้านเทคนิคมากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ ในการได้งานทำในวงการบิตคอยน์ในอนาคต
.
5. สิ่งที่น่าสนใจในการทำ routing node คือตอนนี้ไลท์นิ่งกลายมาเป็นตัวเชื่อมระหว่างโปรโตคอล Nostr และโปรโตคอลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับบิตคอยน์ไปแล้ว ซึ่งคอมมูนิตี้นักรันโหนดก็เป็นคนกระตุ้นให้เกิดการใช้งานไลท์นิ่งอย่างแพร่หลาย แปลว่าการทำ routing นี่แหละจะช่วยให้คนยิ่งใช้งานโปรโตคอลพวกนี้ และสร้างแรงจูงใจให้คนอยากใช้งานมันมากขึ้น

...............

#ขอบคุณคุณพิริยะ

บรรยากาศชุมชนบิตคอยน์ในไทยนั้นดีงามจริง ๆ มีคนไทยหลายร้อยคนมาร่วมงานนี้ เก้าอี้ทุกตัวเต็มเกือบตลอดเวลา ผมประทับใจสุด ๆ ที่ได้เห็นผู้คนตั้งใจฟังทุก panel บนเวทีตั้งแต่เช้าจนกระทั่งงานจบ คุณสงสัยใช่มั้ยล่ะว่าอะไรดึงดูดให้คนมางานกันล้นหลามขนาดนี้ คำตอบคือผู้ชายคนนี้ครับ ชายผู้เป็นหน้าเป็นตาของงานนี้ และสิ่งที่ดึงดูดผู้คนมางานนี้ก็คือผลงานบนยูทูบของเขา


ผมได้คุยและทำความรู้จักกับคุณพิริยะ (ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นชาวไทยเชื้อสายอเมริกัน!) พิริยะมีพื้นฐานการเป็นอาจารย์มาก่อน และใช้ความเชี่ยวชาญภาษาไทยและอังกฤษในการย่อยความรู้บิตคอยน์ให้คนไทยฟังผ่านช่องยูทูบของเขามาตั้งแต่ปี 2015 ช่องเดิมของเขาสร้างฐานผู้ติดตามได้มากกว่า 150,000 คน มันสุดยอดจริง ๆ ครับ เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เมื่อเทียบกับช่องผมที่มีผู้ติดตามราว ๆ 18,000 คน เรียกได้ว่าต่างกันสิบเท่า ทั้งที่ช่องของเขาทำให้คนไทยดูเท่านั้น

นอกจากนี้การล่มสลายของเหรียญ altcoin อย่าง LUNA และกระดานเทรดอย่าง FTX เมื่อปีก่อน ก็ดูเหมือนจะเป็นแรงผลักดันให้คนไทยโฟกัสไปที่บิตคอยน์มากขึ้น ผู้มาร่วมงานอีเวนท์นี้รู้จักเหตุการณ์ล่มสลายที่ผมอ้างถึง และหลายคนเป็นผู้ใช้งานบิตคอยน์ที่มีความรู้ความเข้าใจในระดับสูง พวกเขาสนใจเรียนรู้เกี่ยวกับบิตคอยน์เท่านั้น ไม่สนเหรียญอื่น

เมื่อผมพิจารณาสิ่งที่คุณพิริยะพูดอย่างตรงไปตรงมา ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันน่าสนใจมากเลยนะ ยิ่งพอเอาไปเทียบกับในญี่ปุ่น มันอาจจะฟังดูแรง แต่คนญี่ปุ่นอีกมากมายยังลงทุนในเหรียญ altcoin กลวง ๆ ทั้งที่เคยเจ๊งซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่ครั้ง แถมมีบางคนที่ไม่พอใจกับตลาดแต่มาหาที่ลงกับบิตคอยน์ (และบิตคอยเนอร์) เสียอย่างนั้น ผมเลยประทับใจมากที่คนไทยสนใจบิตคอยน์อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ (ผมไม่คุ้นเคยกับนิสัยคนไทยนัก ผมขอโทษหากผมเข้าใจอะไรผิดนะครับ)

นอกจากช่องยูทูบนั้นแล้ว คุณพิริยะยังเพิ่งก่อตั้งบริษัท Right Shift ซึ่งเป็นผู้จัดงาน Bitcoin Thailand Conference บริษัทของเขาผลิตคอนเทนต์ แปลหนังสือ จัดทำบทความ และจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ เกี่ยวกับบิตคอยน์ให้กับคนไทย

เพื่อเทียบให้เห็นภาพมากขึ้น มันคล้ายกับที่ผมทำอยู่ในตอนนี้ในญี่ปุ่นผ่านช่องยูทูบของผมและผ่านบริษัท Diamond Hands (ที่ทำสื่อ, วิจัย, จัดอีเวนท์, สร้างคอมมูนิตี้ และพัฒนาบิตคอยน์) สิ่งที่คุณพิริยะทำเพื่อคนไทยนั้นเหมือนสิ่งที่พวกเรากำลังทำมาก ๆ

แถม Right Shift ยังมีตัวมาสคอตที่อาจจะเป็นคู่แข่งกับเจ้า “แบดเจอร์คุง” ของเราอีกด้วย! ฮ่าๆๆๆๆ ผมสัมผัสได้เลยว่ามันมีความพิเศษบางอย่าง (เพราะผมเองก็อยากมีสินค้าของเจ้าแบดเจอร์คุงเหมือนกัน…)

...............

#ประเทศไทยคือเป็นขุมพลังบิตคอยน์ที่ซ่อนกายอยู่ ?

จากจำนวนคนมาร่วมงานอีเวนท์จำนวนมหาศาล แทบทุกคนตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ไปจนถึงตั้งใจเต็มที่ในงาน Workshop วันที่ 2 ผมสัมผัสได้เลยว่าความสนใจบิตคอยน์ของคนไทยนั้นเป็นไปในลักษณะ bottom-up จำนวนคนไทยที่มาร่วมงานและสนใจบิตคอยน์ถือเป็นความได้เปรียบอย่างมากของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย

แถมในไทยยังมีธุรกิจมากมายที่พร้อมให้บริการบิตคอยน์และไลท์นิ่ง ผมจะไม่ฟันธงในเรื่องคุณภาพของบริการนะครับ แต่เอาแค่ในแง่ของจำนวนที่เห็น แค่นี้ก็ล้ำหน้าแซงประเทศญี่ปุ่นไปไกลแล้ว เพราะแม้กิจกรรมให้ความรู้บิตคอยน์จะสำคัญ แต่การที่มีธุรกิจมากมายรับชำระด้วยไลก์นิ่งหรือมีสินค้าและบริการเกี่ยวกับไลท์นิ่งให้ใช้งานก็คือสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

อีกเรื่องที่สำคัญคือชาวต่างชาติในประเทศไทย เช่น ผู้ก่อตั้ง Umbrel ก็อาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีนักธุรกิจและนักพัฒนาชื่อดังอีกหลายคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน

เท่านั้นไม่พอ ชาวต่างชาติเหล่านี้และคนไทยเองดูจะเริ่มผสานเข้ากันเป็นอย่างดี ผมประทับใจมากที่ BOB Space กลายเป็นแหล่งรวมพลและพบปะกันระหว่างนักธุรกิจและนักพัฒนาบิตคอยน์ในกรุงเทพฯ สถานที่แห่งนี้สำคัญจริง ๆ ในการเชื่อมธุรกิจท้องถิ่นกับกลุ่มคนจากต่างชาติเข้าด้วยกัน

ที่ญี่ปุ่นเองมีนักพัฒนาดัง ๆ อย่าง Nicola จาก BTCPayserver แต่ผมกลับรู้สึกว่าคอมมูนิตี้บิตคอยน์ที่ญี่ปุ่นยังเชื่อมกับนักพัฒนาไม่ติด เรียกว่าเทียบกับประเทศไทยไม่ได้เลยล่ะครับ มุมมองนี้ทำให้ผมยิ่งคิดว่าตลาดเมืองไทยนั้นมีศักยภาพและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่การจะเทียบให้เห็นความต่างระหว่างในญี่ปุ่นและไทยจะเป็นเรื่องที่ยาวจนเกินไป ผมขอพูดถึงประเด็นนี้ในภายหลังนะครับ

วงการบิตคอยน์ในไทยล้ำหน้าไปกว่าที่ผมคิด เพราะแต่ก่อนญี่ปุ่นอาจนำหน้าชาติอาเซียนในแง่มูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยน จำนวนผู้ใช้งาน และความเข้าใจในบิตคอยน์ แต่ถ้าเราพอใจอยู่แค่นั้น ก็ไม่แปลกใจเลยครับถ้าเราจะตกเป็นฝ่ายตามหลังประเทศอื่น ๆ ฉะนั้นการรู้สึกถึงความวิกฤติบ้างเล็กน้อยอาจจะเป็นผลดีกับคอมมูนิตี้ในญี่ปุ่นเองทั้งหมดครับ

...............

#สรุปเรื่องจิปาถะที่ผมพบ
.
1. อาหารไทยอร่อยมาก แต่ของหวานไม่ค่อยอร่อย
โดยเฉพาะไอศกรีมทุเรียนที่ผมตั้งใจชิมด้วยความตื่นเต้น แต่สุดท้ายมันแย่เหลือเชื่อ ฮ่าๆๆๆ
.
2. ค่าครองชีพที่นี่ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้ออะไรบ้าง แต่ก็ยังถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น แต่ผมก็รู้สึกว่าราคาข้าวของแพงกว่าแต่ก่อนมาก ๆ อยู่ดีครับ
.
3. กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่หลายสิ่งหลายอย่างมารวมตัวกันได้แบบพิลึกดี
กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงเรื่องความอิสระ ทั้งในแง่ดีและแง่ไม่ดี และมันก็เป็นเมืองที่วุ่นวายใช้ได้ กรุงเทพฯ มีความน่าสนใจในแบบของมัน แต่ถ้าอยู่นานเกินไป คุณจะเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มไม่ค่อยดีกับคุณเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆ (ผมเจอป้ายร้านที่ใช้ชื่อได้สุดฮาเต็มเมืองไปหมดเลย)
.
4. เชียงใหม่น่าอยู่ดีนะ
มีนักพัฒนาและผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับบิตคอยน์อาศัยที่เชียงใหม่หลายคนเดินทางมาร่วมงานอีเวนท์นี้ หลายคนตื่นเต้นมาก ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่ ผมเองก็อยากไปเยือนที่นั่นหนหน้าที่ผมบินมาไทย
.
5. เขาบอกว่าใช้จ่ายด้วยบิตคอยน์นั้นผิดกฎหมาย แต่ก็ทำได้แบบไร้ปัญหานะ
ในเชิงเทคนิคแล้วการใช้บิตคอยน์ซื้อของนั้นผิดกฎหมาย แต่มันก็เป็นวิธียอดฮิตเช่นกัน อย่างไรก็ตามไม่ค่อยมีร้านค้าทั่วไปที่รับชำระด้วยไลท์นิ่ง ส่วนร้านที่รับก็ทำเงียบ ๆ ของเขาเองด้วยท่าทีในแบบ “ไม่เป็นไรหรอกน่าพ่อหนุ่ม” ซึ่งผมรู้สึกว่าเป็นลักษณะเฉพาะของคนไทยและมันเจ๋งมาก เพราะที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นเคร่งเครียดเกินไป ผมอยากให้พวกเราชิลล์กว่านี้หน่อย
.
6. “กัญชา Adoption” เกิดก่อน “Bitcoin Adoption”
กัญชาเคยผิดกฎหมายในไทยมายาวนาน แต่ตอนนี้คุณมีร้านให้ดูดปุ๊นได้ทุกที่ เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ผมมากรุงเทพฯ ผมไม่เคยเห็นร้านอะไรพวกนี้เลย และผมจำได้ว่ากฎหมายเกี่ยวกับกัญชานั้นรุนแรงมาก มาหนนี้เลยเซอร์ไพรส์จริง ๆ ครับ บิตคอยน์ดูจะแพ้กัญชาอยู่นะตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ

---------------------------------

จิงโจ้ไรท์ชิฟต์เรียบเรียงจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นที่แปลเป็นอังกฤษด้วยการใช้คำสั่ง Prompt บน GPT สุดอลังการโดยคุณ Jakk Goodday ก่อนจะผ่านการตรวจความถูกต้องจาก Koji Higashi อีกครั้ง และมีแอดมินสมนึก ช่วยพิสูจน์อักษรภาษาไทย (ซับซ้อนดีแท้น้ออออ)
https://diamondhandscommunity.substack.com/p/e67
Author Public Key
npub1yxz78sa7kksuvasug4308pya2k9udl8637cytsrnwrjg33z6wk0sctw87z