It's over Anakin, I have the high ground. on Nostr: ...
ข้อความด้านล่างคัดลอกจากเฟซบุ๊ก //
อ่านเล่มนี้จบตอนไปเชียงใหม่ ผู้เขียนเสนอข้อถกเถียงว่าวิธีคิดแบบเสรีนิยมที่โปรตลาดในปัจจุบัน เป็นวิธีคิดที่ล้าหลังไปจากความเป็นจริงของการจ้างงานโดยตลาด เนื่องจากความเข้าใจต่อตลาดของพวกนี้คือความเข้าใจในศตวรรษที่ 17-18 ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบเศรษฐกิจโลกยังไม่ผ่านการปฏิวัตอุตสาหกรรม ตลาดจึงเต็มไปด้วยนายทุนน้อยและผู้ประกอบการขนาดย่อมที่ืฐานะและความสามารถในการแข่งขันยังไม่แตกต่างกันนัก ทำให้การแข่งขันในตลาดเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างเท่าเทียม และทำให้ตลาดกลายเป็นอุดมคติของปัญญาชนยุคนั้นในการท้าทายการจัดลำดับชั้นด้วยศักดินา ตลอดจนการสร้างสังคมแห่งความเสมอภาคเท่าเทียม ปัญหาก็คือ เมื่อโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 หลัก economy of scale ก็ได้เข้ามาครอบครองวิธีคิดเรื่องการผลิตและการแข่งขันในตลาด ส่งผลให้ข่องว่างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างขยายใหญ่มากขึ้น เช่นเดียวกับช่องว่างระหว่างบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสายป่านยาวกับผู้ประกอบการการขนาดย่อม จนส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างเป็นความสัมพันธ์ที่่ฝ่ายแรกมีอำนาจบงการและปกครองฝ่ายหลังอย่างสูง โดยเฉพาะอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขการจ้างงานต่างๆที่ทำให้ลูกจ้างไม่มีทางเลือกอื่นๆในชีวิตนอกจากการจำเป็นต้องเชื่อฟังอำนาจของนายจ้าง ในแง่นี้ ตลาดตามความเป็นจริงของสภาพการทำงานจึงไม่ใช่พื้นที่ของเสรีภาพแบบที่ถูกเข้าใจกัน แต่เป็นพื้นที่ของสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า private government นั่นคือ พื้นที่ทางการปกครอง ที่ลูกจ้างจะกลายเป็นผู้ถูกปกครองภายใต้อำนาจของนายจ้างในการบงการเงื่อนไขการใช้ชีวิตตลอดจนพฤติกรรมต่างๆของลูกจ้างในแบบที่เกือบๆจะไม่มีข้อจำกัด
ความผิดพลาดของพวกเสรีนิยมที่โปรตลาดจึงเป็นความผิดพลาดบนช่องว่างระหวา่งทฤษฎีกับความเป็นจริง ที่ทฤษฎีจะถูกแช่แข็งอยู่กับภาพของตลาดก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ขณะที่ความเป็นจริงของตลาดซึ่งอยู่ในความสัมพันธ์แบบ private government กลับเป็นสิ่งที่ถูกละเลย อันเป็นผลมาจากการที่่่ฝ่ายเสรีนิยมเข้าใจประเด็นเรื่องเสรีภาพบนฐานของเสรีภาพในการมีทางเลือก ที่ว่าลูกจ้างทุกคนต่างก็มีทางเลือกในการลาออกและถอนตัวจากการจ้างงานที่ตนเห็นว่าไม่เป็นธรรม (โดยไม่สนใจความเป็นจริงของชีวิตว่าทางเลือกอย่างการลาออกนี้ไม่ควรถูกถือว่าเป็นทางเลือกตั้งแต่ต้น) จึงมองไม่เห็นสภาพอำนาจนิยมที่ไร้เสรีภาพในความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แตกต่างจากตัวผู้เขียนที่ใช้วิธีคิดแบบสาธารณรัฐนิยมหรือ republicanism ซึ่งนิยามเสรีภาพว่าเป็นเรื่องของความสามารถในการปกครองตนเองโดยไม่ถูกครอบงำหรือตกภายใต้บงการในชีวิตของผู้อื่น จึงทำให้ตระหนักว่าการจ้างงานในตลาดปัจจุบันนั้นคือสภาวะที่ลูกจ้างสูญเสียเสรีภาพ ไม่สามารถกำหนดแนวทางชีวิตของตน และตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบไร้ขีดจำกัดของนายจ้าง
ทางออกที่ผู้เขียนเสนอจึงเป็นเรื่องของการสลาย ภาวะ private government ในความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ด้วยการทำให้ความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมตรงนี้กลายเป็นความสัมพันธ์ตามกลไกของสาธารณะซึ่งจะนำไปสู่การตรวจสอบที่เรียกร้องให้รัฐและสาธารณะสามารถเข้ามาตรวจสอบเงื่อนไขทางกฏหมายและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมมากขึ้น
สนุกดีครับ เป็นงานทฤษฎีที่อ่านสนุก ใครที่สนใจเรื่องสภาพแรงงานและการจ้างงานไ่ม่เป็นธรรมควรหามาอ่านกัน
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid036MJ3dduhpNox8evaa3gvxexhvRRYwwNYHae5YemTsVcsu3MiMRbigsqWVPTziAEal&id=100002014868309&mibextid=Nif5ozการศึกษาแนวคิดที่มีมุมมองแตกต่างไปจากเรา ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับชาวบิตคอยเนอร์ เพราะไม่ว่าคุณมั่นใจว่าคุณคิดถูกแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรรับประกัน 100% ว่าคุณคิดถูก การเปิดใจและรับรู้ข้อมูลที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิตคอยเนอร์มือใหม่ เพราะผมเจอเยอะมาก มือใหม่ที่ไม่ได้เข้าใจแนวคิดอื่นๆ นอกจากออสเตรียนดีพอ (อันที่จริงความเข้าใจออสเตรียนก็ยังไม่ดีพอด้วยซ้ำแต่เน้นจำจากคนดังในวงการ) ที่ไปถกเถียง วิจารณ์แนวคิดอื่นๆ โดยไม่มีความเข้าใจที่ดีพอ ข้อโต้แย้งที่ใช้ก็จำๆ มาทั้งนั้น
จงถามตัวเองให้ดีว่าคุณเห็นด้วยกับแนวคิดที่คุณเชิดชูจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่เพราะคนดังที่รู้จักเชื่อแนวคิดนั้น ถ้าเป็นอย่างหลังคุณก็ไม่ต่างจากคนที่อินกับ propaganda ของรัฐบาลหรอก คุณแค่ชอบ propaganda ของฝั่งนึงเฉยๆ
#Siamstr
Published at
2023-11-05 12:09:48Event JSON
{
"id": "8400147d865f14ef0a0a8f1021d099f3d6ebe9bab36f1f40ea1cb45ce385e2e2",
"pubkey": "1c45a67c9a875bb9a0f9e2b8d3de02e500e0f7709b0ec6d1795fe3fffcbd16f4",
"created_at": 1699186188,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"Siamstr"
],
[
"t",
"siamstr"
],
[
"r",
"https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid036MJ3dduhpNox8evaa3gvxexhvRRYwwNYHae5YemTsVcsu3MiMRbigsqWVPTziAEal\u0026id=100002014868309\u0026mibextid=Nif5oz"
],
[
"r",
"https://image.nostr.build/48b8e2e688a5b6a9bf3c824dd0c7716169de667a5f1911913404e70abfaf23d0.jpg"
]
],
"content": "ข้อความด้านล่างคัดลอกจากเฟซบุ๊ก //\n\nอ่านเล่มนี้จบตอนไปเชียงใหม่ ผู้เขียนเสนอข้อถกเถียงว่าวิธีคิดแบบเสรีนิยมที่โปรตลาดในปัจจุบัน เป็นวิธีคิดที่ล้าหลังไปจากความเป็นจริงของการจ้างงานโดยตลาด เนื่องจากความเข้าใจต่อตลาดของพวกนี้คือความเข้าใจในศตวรรษที่ 17-18 ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบเศรษฐกิจโลกยังไม่ผ่านการปฏิวัตอุตสาหกรรม ตลาดจึงเต็มไปด้วยนายทุนน้อยและผู้ประกอบการขนาดย่อมที่ืฐานะและความสามารถในการแข่งขันยังไม่แตกต่างกันนัก ทำให้การแข่งขันในตลาดเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างเท่าเทียม และทำให้ตลาดกลายเป็นอุดมคติของปัญญาชนยุคนั้นในการท้าทายการจัดลำดับชั้นด้วยศักดินา ตลอดจนการสร้างสังคมแห่งความเสมอภาคเท่าเทียม ปัญหาก็คือ เมื่อโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 หลัก economy of scale ก็ได้เข้ามาครอบครองวิธีคิดเรื่องการผลิตและการแข่งขันในตลาด ส่งผลให้ข่องว่างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างขยายใหญ่มากขึ้น เช่นเดียวกับช่องว่างระหว่างบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสายป่านยาวกับผู้ประกอบการการขนาดย่อม จนส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างเป็นความสัมพันธ์ที่่ฝ่ายแรกมีอำนาจบงการและปกครองฝ่ายหลังอย่างสูง โดยเฉพาะอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขการจ้างงานต่างๆที่ทำให้ลูกจ้างไม่มีทางเลือกอื่นๆในชีวิตนอกจากการจำเป็นต้องเชื่อฟังอำนาจของนายจ้าง ในแง่นี้ ตลาดตามความเป็นจริงของสภาพการทำงานจึงไม่ใช่พื้นที่ของเสรีภาพแบบที่ถูกเข้าใจกัน แต่เป็นพื้นที่ของสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า private government นั่นคือ พื้นที่ทางการปกครอง ที่ลูกจ้างจะกลายเป็นผู้ถูกปกครองภายใต้อำนาจของนายจ้างในการบงการเงื่อนไขการใช้ชีวิตตลอดจนพฤติกรรมต่างๆของลูกจ้างในแบบที่เกือบๆจะไม่มีข้อจำกัด\n\nความผิดพลาดของพวกเสรีนิยมที่โปรตลาดจึงเป็นความผิดพลาดบนช่องว่างระหวา่งทฤษฎีกับความเป็นจริง ที่ทฤษฎีจะถูกแช่แข็งอยู่กับภาพของตลาดก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ขณะที่ความเป็นจริงของตลาดซึ่งอยู่ในความสัมพันธ์แบบ private government กลับเป็นสิ่งที่ถูกละเลย อันเป็นผลมาจากการที่่่ฝ่ายเสรีนิยมเข้าใจประเด็นเรื่องเสรีภาพบนฐานของเสรีภาพในการมีทางเลือก ที่ว่าลูกจ้างทุกคนต่างก็มีทางเลือกในการลาออกและถอนตัวจากการจ้างงานที่ตนเห็นว่าไม่เป็นธรรม (โดยไม่สนใจความเป็นจริงของชีวิตว่าทางเลือกอย่างการลาออกนี้ไม่ควรถูกถือว่าเป็นทางเลือกตั้งแต่ต้น) จึงมองไม่เห็นสภาพอำนาจนิยมที่ไร้เสรีภาพในความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แตกต่างจากตัวผู้เขียนที่ใช้วิธีคิดแบบสาธารณรัฐนิยมหรือ republicanism ซึ่งนิยามเสรีภาพว่าเป็นเรื่องของความสามารถในการปกครองตนเองโดยไม่ถูกครอบงำหรือตกภายใต้บงการในชีวิตของผู้อื่น จึงทำให้ตระหนักว่าการจ้างงานในตลาดปัจจุบันนั้นคือสภาวะที่ลูกจ้างสูญเสียเสรีภาพ ไม่สามารถกำหนดแนวทางชีวิตของตน และตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบไร้ขีดจำกัดของนายจ้าง\n\nทางออกที่ผู้เขียนเสนอจึงเป็นเรื่องของการสลาย ภาวะ private government ในความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ด้วยการทำให้ความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมตรงนี้กลายเป็นความสัมพันธ์ตามกลไกของสาธารณะซึ่งจะนำไปสู่การตรวจสอบที่เรียกร้องให้รัฐและสาธารณะสามารถเข้ามาตรวจสอบเงื่อนไขทางกฏหมายและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมมากขึ้น \n\nสนุกดีครับ เป็นงานทฤษฎีที่อ่านสนุก ใครที่สนใจเรื่องสภาพแรงงานและการจ้างงานไ่ม่เป็นธรรมควรหามาอ่านกัน https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid036MJ3dduhpNox8evaa3gvxexhvRRYwwNYHae5YemTsVcsu3MiMRbigsqWVPTziAEal\u0026id=100002014868309\u0026mibextid=Nif5oz\n\nการศึกษาแนวคิดที่มีมุมมองแตกต่างไปจากเรา ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับชาวบิตคอยเนอร์ เพราะไม่ว่าคุณมั่นใจว่าคุณคิดถูกแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรรับประกัน 100% ว่าคุณคิดถูก การเปิดใจและรับรู้ข้อมูลที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิตคอยเนอร์มือใหม่ เพราะผมเจอเยอะมาก มือใหม่ที่ไม่ได้เข้าใจแนวคิดอื่นๆ นอกจากออสเตรียนดีพอ (อันที่จริงความเข้าใจออสเตรียนก็ยังไม่ดีพอด้วยซ้ำแต่เน้นจำจากคนดังในวงการ) ที่ไปถกเถียง วิจารณ์แนวคิดอื่นๆ โดยไม่มีความเข้าใจที่ดีพอ ข้อโต้แย้งที่ใช้ก็จำๆ มาทั้งนั้น\n\nจงถามตัวเองให้ดีว่าคุณเห็นด้วยกับแนวคิดที่คุณเชิดชูจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่เพราะคนดังที่รู้จักเชื่อแนวคิดนั้น ถ้าเป็นอย่างหลังคุณก็ไม่ต่างจากคนที่อินกับ propaganda ของรัฐบาลหรอก คุณแค่ชอบ propaganda ของฝั่งนึงเฉยๆ\n\n#Siamstr\n\nhttps://image.nostr.build/48b8e2e688a5b6a9bf3c824dd0c7716169de667a5f1911913404e70abfaf23d0.jpg",
"sig": "32c49afe70040be5559ab07193c79f49c59386fa6eee9fb8abaacb6b439f2ca594fba0172a747927b4469e6895013fae51d807dfeede83e28fd4d6eec76345b4"
}