Why Nostr? What is Njump?
2024-03-14 10:38:16

Hipknox on Nostr: ### “การกิน” ...

### “การกิน” ในทางศาสนาและความเชื่อ

**โปรดใช้วิจารณญาณ-สิ่งที่เขียนเป็นเพียงมุมมองทางศาสนา**

---

“พระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้ชายผู้นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้เขาทำงานและดูแลรักษาสวนแห่งนั้น

และพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาเขาไว้ว่า ‘เจ้ามีอิสระที่จะกินผลจากต้นใดๆ ในสวนก็ได้ {แต่เจ้าต้องไม่กินผลจากต้นแห่งการรู้ดีรู้ชั่ว เพราะถ้าเจ้ากินผลของมันเมื่อใด เจ้าจะตายแน่นอน}’ ”

‭‭ปฐมกาล‬ ‭2‬:‭15‬-‭17‬ ‭TNCV‬‬

ครั้งหนึ่งเราเคยมีชีวิตนิรันดร์ จนกระทั้งเรากินในสิ่งที่ถูกสั่งห้าม

บาปแรกที่ทำให้เราต้องกลายเป็นสิ่งที่มีอายุไข ที่จะต้องตายและกลับคืนสู่ธุลีดิน มาจาก “การกิน” ที่ผิดพลาดของเรา การรั้นไม่ฟังในสิ่งที่ห้าม การกินที่ไม่เลือก การคิดไปเองว่าสิ่งที่เห็นนั้นดีน่ารับประทาน

จากบาปแรกของมนุษย์ในวันนั้น วันนี้พวกเราก็ยังคงกินกันแบบไม่เลือก พวกเรายังคงผลิตอาหารชนิดต่าง ๆ ทางอุตสาหกรรมที่จะรบกวนกระบวนการทางเคมีในร่างกายของเราเอง ให้พวกเราที่จากเดิมเคยถูกสาปแช่งให้ต้องกลายมาเป็นสิ่งที่มีอายุไขและต้องตาย จะต้องมีอายุไขที่สั้นลงไปยิ่งกว่าเดิม

เมทูเซลาห์ ปู่ของโนอาเคยอายุยืนถึง 969 ปี ในยุคก่อนน้ำท่วมโลก โมเสสเคยมีอายุยืนถึง 120 ปี ในช่วงที่พาประชากรอิสราเอลออกจากอียิปต์ และในปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยอายุไขของมนุษย์ลดลงมาเหลือเพียงแค่ 72 ปี ทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีของพวกเรามีความก้าวหน้า อาหารและยาจากการวิจัยควรเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรามีอายุที่ยืนยาวขึ้น แต่เปล่าเลย

พระเจ้าทำงานกับพวกเราผ่านกระบวนการทางเคมีในร่างกาย ดังนั้นการกินอาหารต้องห้ามและมีมลทิน การกินอาหารที่รบกวนกระบวนการทางเคมีในร่างกายจึงเป็นการปฏิเสธพระพรของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ ลมหายใจแรกที่พระเจ้าได้ระบายมันให้กับเรา “ชีวิตนิรันดร์”

”จิตวิญญาณของเราจะไม่คงอยู่กับมนุษย์ตลอดไป เพราะเขาเป็นเพียงมนุษย์ที่ต้องตาย“

จากการมีชีวิตนิรันดร์สู่การมีอายุไขที่จำกัด จากการมีอายุไขที่ยืนยาวกลายเป็นสิ่งที่มีอายุไขที่สั้นลง ผลลัพธ์ที่มาจาก ”การกิน“ ไม่ที่เลือกของเรา

ในทางของพุทธเองก็มีกล่าวเอาไว้เช่นกันในเรื่องของการกิน ครั้งหนึ่งในช่วงที่จักรวาลยังไม่ก่อรูป มีเพียงความมืดมิดและห้วงน้ำ พวกเราต่างอาศัยอยู่ใน ”อาภัสสรพรหม“ ก่อนการเกิดขึ้นของ ”ง้วนดิน“ ที่ลอยอยู่เหนือผิวของห้วงน้ำนั้น พวกเราทั้งหลายได้ลงมากินง้วนดินเหล่านั้น และนั่นทำให้เราจากที่เคยเป็นสิ่งที่ไม่มีร่างกาย ก็ค่อย ๆ มีร่างกายที่แก่กล้าขึ้น จากกายทิพย์สู่กายละเอียด จากกายละเอียดสู่กายหยาบ

“การกิน” ที่ให้ผลลัพธ์เป็นการที่เราจะต้องติดอยู่กับการเวียนว่ายตายเกิด มีร่างกายเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตตามพฤติกรรมและสัญชาตญาณ มีร่างกายเป็นมนุษย์ที่มีสติปัญญาระลึกรู้ได้ว่าเราเป็นใคร เป็นสัตว์ที่กินอาหารตามสัญชาตญาณ และเป็นมนุษย์ที่แม้จะเลือกกินได้แต่ก็ยังคงกินแบบไม่เลือก

ในทางของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าได้สั่งห้ามไว้ในบัญญัติอย่างการไม่กินหมู การห้ามที่ใครหลายคนคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องของความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งที่มีความเชื่อแบบนั้น จากการคาดเดาว่าอาจจะเป็นเพราะว่าหมูนั้นสกปรกมีพยาธิ บัญญัตินั้นเกิดขึ้นในยุคสมัยที่การแพทย์ยังคงไม่มีการพัฒนา การห้ามไม่ให้กินหมูจึงเป็นการป้องกันไม่ให้คนเหล่านั้นต้องเจ็บป่วยจากการกินหมูที่ไม่สะอาด

มุมมองในยุคปัจจุบันที่การปศุสัตว์นั้นมีความก้าวหน้ามากแล้ว เราไม่ได้เลี้ยงหมูอย่างปล่อยปละละเลย หมูที่เรานำมากินจึงเป็นสิ่งที่ควรจะสะอาดและไร้มลทิน

หมูเป็นสัตว์ที่มีมลทินตามบัญญัติ พระเจ้าสร้างหมูให้เป็นสัตว์ใช้งานที่กินสิ่งปฏิกูลในระบบนิเวศ เพื่อการกำจัดสิ่งเน่าเสียต่าง ๆ เพื่อการรักษาความสะอาดภายในระบบนิเวศ สัญชาตญาณใน DNA ของพวกมันบอกกับมันว่าให้กินทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมูลของเสียที่มาจากตัวของพวกมันเองก็ตาม

ถึงแม้ว่าการเลี้ยงหมูในระบบปศุสัตว์ในปัจจุบันจะไม่มีการปล่อยปละละเลยให้พวกมันต้องกินมูลของเสียจากตัวมันเอง (แต่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโรงเลี้ยงเลี้ยงพวกมันได้ดีและสะอาดมากแค่ไหน) การเลี้ยงด้วยหัวอาหารชั้นดี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าหมูเป็นสัตว์ที่กินสิ่งปฏิกูลตามสัญชาติญาณของมันตามที่มันถูกออกแบบมา ยังไม่ต้องพูดถึงยาปฏิชีวนะที่ใช้ฉีดเพื่อการรักษาโรคของพวกมันจากการติดโรค ซึ่งเราจะได้รับมันเข้ามาในร่างกายผ่านการกินเนื้อของพวกมันอย่างแน่นอน

เรารับเอา DNA ของหมูเข้าไปในร่างกาย ผ่านการกินพวกมันอยู่หรือเปล่า? เราเป็นมนุษย์ที่มีความเป็นหมูอยู่ในเราหรือเปล่า?

แม้แต่สิ่งที่ไม่ผิดบัญญัติอย่างพืชที่ปลูกจากดิน ในยุคสมัยที่ผลผลิตเกิดจากกระบวนการทางเกษตรอุตสาหกรรม ที่แร่ธาตุในดินถูกทำลาย ในรากใบและลำต้นเต็มไปด้วยสารเคมีทางการเกษตร ยาฆ่าแมลง การตัดต่อพันธุกรรมที่เร่งการติดดอกออกผลเพื่อให้ผลผลิตในจำนวนมาก

เรารับเอาเคมีเหล่านี้ที่ไม่เคยมีอยู่เดิมตามธรรมชาติ เข้าไปในร่างกายผ่านการกินพืชผลเหล่านี้อยู่หรือเปล่า? เราเป็นมนุษย์ที่เป็นถังเก็บสารเคมีทางอุตสาหกรรมผ่านการกินพืชผลเหล่านี้อยู่หรือเปล่า?

เรากินอะไรเราย่อมเป็นอย่างนั้น สิ่งใดที่เรากินเข้าไป สิ่งนั้นย่อมส่งผลถึงความเป็นเรา

ในมุมมองของความเชื่อทางศาสนา บัญญัติได้ระบุถึงสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่กินได้ไม่มีมลทิน และที่ห้ามกินเพราะมีมลทินเอาไว้ ถ้าหากว่าพระเจ้าจะทำงานผ่านเคมีในร่างกายของเราจริง ผ่านสติปัญญาของสมอง ผ่านทุก ๆ ระบบในร่างกายของเรา การก่อกวนระบบเคมีในร่างกายผ่านการกินอาหารมีมลทินหรือมีการเจอปน จึงเป็นการทำให้เราต้องขาดออกจากการเชื่อมโยงจากพระเจ้าอย่างแน่นอน

เราสร้างการถือศีลอด การงดเว้นจากการกิน การอดอาหาร การถือศีลแปด (ข้อหก) และอื่น ๆ ที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการงดอาหาร กุศโลบายเพื่อการปรับสภาพของเคมีภายในร่างกายของเราให้กลับสู่สมดุลของความเป็นมนุษย์ เพื่อการชำระสิ่งตกค้างจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ หรือจากอาหารที่เราได้กินเข้าไป

เราอาจกินเนื้อวัวเพื่อรับเอาสารอาหารจากพวกมัน โปรตีน ไขมันและแร่ธาตุ เพื่อนำมาใช้ในการดำรงชีวิต แต่เราก็ไม่ต้องการรับเอา DNA ของพวกมันมาไว้ในร่างกายของเรา เราไม่ต้องการจะกลายไปเป็นในสิ่งที่วัวเป็น เราจึงมีการหยุดพักการกินของเราเพื่อให้เราไม่กลายไปเป็นเหมือนสิ่งที่เรากินเข้าไป เราจึงกินมันเพียงแต่พอดีตามความต้องการของร่างกาย ซึ่งร่างกายจะบอกกับเราเองว่าแค่ไหนคือพอดี

ฟังดูอาจเหมือนกับเป็นการสร้างความชอบธรรมทางความเชื่อ การนำสิ่งต่าง ๆ มาหาเหตุผลที่ใช้ในการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับความเชื่อทางศาสนาผ่านการกิน แม้จะไร้ข้อพิสูจน์ที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์

แต่อย่างที่เคยได้กล่าวไปในหลาย ๆ ครั้ง “ความจริงเป็นของปัจเจก” สิ่งเหล่านี้โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกินเราสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของเราเอง โดยที่ไม่ต้องรอการการันตีจากนักวิจัย หรือจากคำบอกเล่าผ่านประสบการณ์ของผู้อื่น มันจะแสดงออกมาให้เห็นเป็นผลลัพธ์นั้นตามสิ่งที่เราได้กินมันเข้าไป

ดังนั้นข้อห้ามในบัญญัติที่แนะแนวทางในการเลือกการกินของมนุษย์จึงเป็นเจตนาดีที่ต้องการจะให้มนุษย์ผู้ปฏิบัติตามมีสุขภาพที่ดี และยังคงรักษาความเชื่อทางจิตวิญญาณของพวกเขาไปด้วยพร้อม ๆ กัน

ถ้าให้เทียบระหว่างผู้ที่เชื่อในพระเจ้าเหมือน ๆ กัน ระหว่างมนุษย์ที่กินอาหารที่ดีและรักษาสุขภาพผ่านการกินที่ดี กับผู้ที่กินแบบไม่เลือก

“ในฝ่ายวิญญาณ” พระเจ้าคงเลือกที่จะสถิตอยู่กับมนุษย์คนแรกมากกว่าคนที่สอง จากความที่ไม่มีสิ่งมีมลทินภายในร่างกายที่พระเจ้านั้นสะอิดสะเอียน และ “ในฝ่ายโลก” การทำงานของพระเจ้าผ่านเคมีในร่างกายของมนุษย์จากสติปัญญาของสมอง มนุษย์คนแรกย่อมได้รับสาสน์จากพระเจ้าผ่านความนึกคิดได้ดีกว่ามนุษย์คนที่สอง ที่มีเคมีในสมองแปรปรวนจากการกินอาหารที่ก่อกวนการทำงานของระบบเคมีในร่างกาย

ในมุมมองที่ได้จากสิ่งนี้ พวกเราควรที่จะเลือกในการกิน และระมัดระวังในการกินของตัวเราเองให้ดี ๆ เพื่อไม่ให้พวกเราเผลอไปทำลายสุขภาพของตัวเราเองด้วยความไม่ตั้งใจ และส่งต่อ DNA ของมนุษย์ที่เสื่อมอายุไขไปให้กับลูกหลานในรุ่นถัดไป

YOU ARE WHAT YOU EAT.

#Siamstr #SiamstrOG #Religion #IFF

---

ผมยังคงสนุกกับสิ่งที่เขียน เพื่อการเรียบเรียงการรับรู้ทางความคิด เพื่อการตกผลึกถึงอะไรบางอย่าง และทำไปตามความสนใจในเวลานั้น

ขอขอบคุณทุก ๆ คนที่สละเวลาอันมีค่าเพื่อเข้ามาอ่าน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขียนจะมีประโยชน์บ้าง ไม่มีประโยชน์บ้างก็ตาม

ที่สำคัญขอขอบคุณ sat ทุก ๆ sat ที่ zap เข้ามาให้ ถึงแม้ว่าเงินสร้างยากนั้นมีคุณค่าและมีความหมายอย่างมากสำหรับทุก ๆ คน

ทุก ๆ sat ที่ได้มาจะถูกนำไปหมุนเวียนอยู่กับชุมชนของเรา ให้กับผู้ที่ใช้งานบน Nostr ผ่านชุมชน Siamstr ให้กับ อ. และ Rightshift เพื่อขอบคุณที่เป็นตัวแทนในการเผยแพร่เรื่องราวของบิตคอยน์ และทำแทนในสิ่งที่พวกเราทำกันเองแบบนั้นไม่ได้

ช่วงนี้ sat แพงดูแล sat ในกระเป๋าด้วย เดี๋ยวไม่เหลือไปกินเบียร์งานฮาฟวิ่ง ;)

ปล. เพิ่งรู้สึกตัวว่า Zapple Pay ที่ผูกไว้หลุด กด emoji แล้วไม่มี sat ออกไป เดี๋ยวต้องไปผูกใหม่ (ความลำบากของ IOS แต่ให้ตายเถอะ ยังไงผมก็ชอบ plebstr ที่สุด)
Author Public Key
npub1p0glyrz85nu86gevlhrsg9t3pg5uhrhq3sgwjmy8mzq0k09m30pq2jv9kv