lungkaaichaoguay on Nostr: อีกสิ่งหนึ่งที่ปรัญชาของ btc ...
อีกสิ่งหนึ่งที่ปรัญชาของ btc บอกเราก็คือคำว่า "กลไกตลาด" ความน่าสนใจคือมีคนบอกว่า กลไกตลอดคือกลไกธรรมชาติแบบหนึ่ง ที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์
เราอาจจะเคยได้ยินว่า ตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลคือตำแหน่งที่ต้องการในอนาคต แต่ปัจจุบันกลไกบอกว่าแม้เงินเดือนจะ 15,000 หรือบางที่ 14,xxx ก็ยังมีผู้คนรอที่จะสมัคร และรอเรียกบัญชียาวเหยียด ที่นี้เราลองเทียบกับตำแหน่งจำพวกนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ที่ตลาดถูกบังคับให้มี ตำแหน่งเหล่านี้ในพวกโรงงานต่างๆ ที่ต้องควบคุมและตัดการของเสียต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้ากฏหมายไม่บังคับ เราก็เชื่อว่า ตำแหน่งเหล่านี้ก็คงจะหายไป ด้วยความไม่จำเป็นไรต้องเพิ่มต้นทุนให้เสียกำไร
ที่นี้มาดูการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในคณะที่เราจบมาแม้เราจะไม่ได้เรัยนวิชาด้านการเพาะเลี้ยง แต่ก็ได้สัมผัสว่า มีการพัฒนาการเลี้ยง การพัฒนานำเทคและองค์ความรู้ต่างๆ เข้ามา ซึ่ง การพัฒนาเหล่านี้นั้น แลกมาด้วยปริมาณการจับที่มากขึ้น เท่ากับผลกำไรที่มากขึ้น เราเห็นมุมนี้ที่กว้างขึ้น จากการไปตามคุณหมอไปงานสัตวแพทย์สัตว์น้ำหรืออะไรซักอย่าง ที่พบว่า มีสัตวแพทย์ ที่ดูแลเรื่องนี้กุ้งให้บริษัทชั้นนำ ความน่าสนใจคือ สัตวแพทย์คนนั้นอธิบายเรื่อง pound dynamic ของบ่อเลี้ยง แล้วต่อด้วย กลไกการติดโรคของกุังต่อ
ถัดลงมาก็เป็นวงการปลาสวยงาม ก็จะเห็นอุปกรณ์ต่างๆจากยี่ห้อต่างๆ ที่เกิดจาหการพัฒนา แต่การพัฒนาที่ว่ามันเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีผลกำไร มีรายได้ตอบแทนกลับมานั้นเอง ที่เด่นชัดก็คงเป็นปะการัง ที่เราจะเห็นว่ามีการออกแบบอุปกรณ์เฉพาะไว้สำหรับเลี้ยงปะการัง
ที่นี้ลองมาดูสัตว์คุ้มครอง สงวนละ สิ่งที่จะพัฒนาขึ้นไปได้ ก็คงมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงตามการจัดเก็บภาษี มันไม่เคยพอ และไม่สามารถขยายไก้ตามกลไกตลาด
การที่เราเห็นด้วยกับหารเลี้ยงสัตว์ เราไม่ได้คาดหวังกับการเลี้ยงแล้วปล่อย หรือเพาะแล้วปล่อย แล้วเราหวังการพัฒนาที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างผลกำไรหรือเม็ดเงินมากกว่า เพราะมุมมองของเราสัตว์เลี้ยงกับสัตว์ป่านั้น แยกจากกัน
มันทำให้เรานึกถึงกรณีเต่าทะเลที่เรีสอร์ทกาะช้าง ไม่มีใครปฏิเสธกฏหมายได้ แต่คำถามที่น่าสนใจคือ สวัสดิภาพและสุขภาพของมันเป็นอย่างไร มันแตกต่างจากสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำอื่นๆไหม หรือแท้จริงแล้ว เอกชนก็สามารถทำได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ปรัญชาของ btc บอกเราคือ รัฐไม่มีต้องทำอย่างก็ได้ รัฐเพียงแค่ขีดเส้นบางๆเส้นหนึ่งไว้แล้วให้การแข็งขันเป็นตัวกำหนด เพราะตอนนี้รัฐที่มีอำนาจควบคุมระบบการเงิน มันทำให้รัฐมีอำนาจมากเกินที่จะควบคุมไปแล้ว ดูได้จากการบังคับใช้ต่างๆ การดูแลที่ไม่ทั่วถึง แม้แต่เรื่องการอนุรักษ์เสียเอง
สุดท้ายพอเขียนถึงตอนนี้ ก็มาคิดว่า position ที่เราอยู่นั้นสามารถสื่อสารแบบนี้ได้ไหมนะ 555555555
#siamstr
Published at
2024-04-15 14:55:45Event JSON
{
"id": "dcec140ae25d5adcd130b4f9b47ddfb4bcd9b94c188855020ab9ecd300c0720b",
"pubkey": "abe090d5f10836898acc943b2612c9268f86cf7f8debb908b050d5adfe850288",
"created_at": 1713192945,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"siamstr"
]
],
"content": "อีกสิ่งหนึ่งที่ปรัญชาของ btc บอกเราก็คือคำว่า \"กลไกตลาด\" ความน่าสนใจคือมีคนบอกว่า กลไกตลอดคือกลไกธรรมชาติแบบหนึ่ง ที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์\n\nเราอาจจะเคยได้ยินว่า ตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลคือตำแหน่งที่ต้องการในอนาคต แต่ปัจจุบันกลไกบอกว่าแม้เงินเดือนจะ 15,000 หรือบางที่ 14,xxx ก็ยังมีผู้คนรอที่จะสมัคร และรอเรียกบัญชียาวเหยียด ที่นี้เราลองเทียบกับตำแหน่งจำพวกนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ที่ตลาดถูกบังคับให้มี ตำแหน่งเหล่านี้ในพวกโรงงานต่างๆ ที่ต้องควบคุมและตัดการของเสียต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้ากฏหมายไม่บังคับ เราก็เชื่อว่า ตำแหน่งเหล่านี้ก็คงจะหายไป ด้วยความไม่จำเป็นไรต้องเพิ่มต้นทุนให้เสียกำไร \n\nที่นี้มาดูการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในคณะที่เราจบมาแม้เราจะไม่ได้เรัยนวิชาด้านการเพาะเลี้ยง แต่ก็ได้สัมผัสว่า มีการพัฒนาการเลี้ยง การพัฒนานำเทคและองค์ความรู้ต่างๆ เข้ามา ซึ่ง การพัฒนาเหล่านี้นั้น แลกมาด้วยปริมาณการจับที่มากขึ้น เท่ากับผลกำไรที่มากขึ้น เราเห็นมุมนี้ที่กว้างขึ้น จากการไปตามคุณหมอไปงานสัตวแพทย์สัตว์น้ำหรืออะไรซักอย่าง ที่พบว่า มีสัตวแพทย์ ที่ดูแลเรื่องนี้กุ้งให้บริษัทชั้นนำ ความน่าสนใจคือ สัตวแพทย์คนนั้นอธิบายเรื่อง pound dynamic ของบ่อเลี้ยง แล้วต่อด้วย กลไกการติดโรคของกุังต่อ\n\nถัดลงมาก็เป็นวงการปลาสวยงาม ก็จะเห็นอุปกรณ์ต่างๆจากยี่ห้อต่างๆ ที่เกิดจาหการพัฒนา แต่การพัฒนาที่ว่ามันเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีผลกำไร มีรายได้ตอบแทนกลับมานั้นเอง ที่เด่นชัดก็คงเป็นปะการัง ที่เราจะเห็นว่ามีการออกแบบอุปกรณ์เฉพาะไว้สำหรับเลี้ยงปะการัง\nที่นี้ลองมาดูสัตว์คุ้มครอง สงวนละ สิ่งที่จะพัฒนาขึ้นไปได้ ก็คงมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงตามการจัดเก็บภาษี มันไม่เคยพอ และไม่สามารถขยายไก้ตามกลไกตลาด \n\nการที่เราเห็นด้วยกับหารเลี้ยงสัตว์ เราไม่ได้คาดหวังกับการเลี้ยงแล้วปล่อย หรือเพาะแล้วปล่อย แล้วเราหวังการพัฒนาที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างผลกำไรหรือเม็ดเงินมากกว่า เพราะมุมมองของเราสัตว์เลี้ยงกับสัตว์ป่านั้น แยกจากกัน\n\nมันทำให้เรานึกถึงกรณีเต่าทะเลที่เรีสอร์ทกาะช้าง ไม่มีใครปฏิเสธกฏหมายได้ แต่คำถามที่น่าสนใจคือ สวัสดิภาพและสุขภาพของมันเป็นอย่างไร มันแตกต่างจากสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำอื่นๆไหม หรือแท้จริงแล้ว เอกชนก็สามารถทำได้\n\nอีกสิ่งหนึ่งที่ปรัญชาของ btc บอกเราคือ รัฐไม่มีต้องทำอย่างก็ได้ รัฐเพียงแค่ขีดเส้นบางๆเส้นหนึ่งไว้แล้วให้การแข็งขันเป็นตัวกำหนด เพราะตอนนี้รัฐที่มีอำนาจควบคุมระบบการเงิน มันทำให้รัฐมีอำนาจมากเกินที่จะควบคุมไปแล้ว ดูได้จากการบังคับใช้ต่างๆ การดูแลที่ไม่ทั่วถึง แม้แต่เรื่องการอนุรักษ์เสียเอง\n\nสุดท้ายพอเขียนถึงตอนนี้ ก็มาคิดว่า position ที่เราอยู่นั้นสามารถสื่อสารแบบนี้ได้ไหมนะ 555555555\n\n#siamstr",
"sig": "cfd6ee5abc574edeab7d80a011d0f397f36b62572028f29df1418f059418aa3cecb094f0a83a0a01ab6b2ddaa6134a9ee7db197bdc943f5b74fd363307376884"
}