Why Nostr? What is Njump?
2024-02-25 14:11:53

satangma on Nostr: ร่างกายคือ supercomputer ...

ร่างกายคือ supercomputer ถ้าร่างกายอยากกินน้ำตาล ทำไมเราไม่กินน้ำตาลล่ะ (2)

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายผมกันแน่ ทำไม muscle mass ผมไม่ขึ้น และ % body fat ผมไม่ลงเลย หลังจากที่หาคำตอบไม่ได้ ผมเลยมารีวิวอาหารการกิน และวิถีชีวิตใหม่ แล้วผมเจอสมมุติฐานหนึงที่น่าสนใจ คือ ร่างกายผมเผาโปรตีนเป็นพลังงานอยู่ ซึ่งตามความเข้าใจผมในวันนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะร่างกายผมทำไมถึงเลือกเผาโครงสร้างร่างกาย ก่อนไขมันที่ห่อหุ้มมันล่ะ

และแล้วผมก็เจอตอเข้าอย่างจัง ซึ่งนั่นก็คือ "STRESS" หรือความเครียดนั่นเอง โดยความเครียดจะทำให้ hypothalamus บอกร่างกายให้สร้าง cortisol ขึ้นมา (ผ่าน pituitary & adrenal cortex) แต่ cortisol นี้ยับยั้งการเปลี่ยน thyroid hormone T4 เป็น T3 ที่ตับและไต แล้ว T3 สำคัญอย่างไร ทำไมคนยุคใหม่ T3 ต่ำลง และเกี่ยวข้องอย่างไรกับอุบัติการณ์การเพิ่มขึ้นของภาวะทางจิตเวชทั่วโลก เดี๋ยวผมเหลาให้ฟัง

ตามความเข้าใจของผมแล้ว T3 ทำหน้าที่เปรียบเสมือน censor บอกฤดูกาลในร่างกาย แล้วอะไร signal T3 ล่ะ ความเครียดนั่นเอง ลองนึกภาพฤดูร้อนในอดีต ผู้คนออกมาทำไร่ทำนา หาอาหาร มีงานเทศกาล ในน้ำมีปลาในนามีข้าว อาหารอุดมสมบูรณ์ มีแดดมาก ความเครียดต่ำ T3 สูง basal metabolic rate ก็สูงตาม แต่ในฤดูหนาว มีความไม่แน่นอน มีสภาพอากศรุนแรง แดดออกน้อย แถมอาหารก็มักจะเป็นเนื้อสัตว์ซะส่วนใหญ่ ความเครียดจากสภาวะแวดล้อมกับความเครียดทางอาหาร ทำให้ cortisol สูงขึ้น และทำให้ T3 ต่ำกว่าช่วงฤดูร้อน และ basal metabolic rate ก็ต่ำกว่าเช่นกัน แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับ trend หรือกระแสในปัจจุบันด้วยล่ะ

ถ้าคนปกติกินแบบ Standard American Diet สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะเจอคือร่างกายอ้วนขึ้น (ซึ่งก็คือการอักเสบ) หลังจากหาความรู้หรือหาหมอ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนการกินออกเป็น 2 ทาง คือ

1) หันไปทาน plant-based diet หรือกินคลีน ซึ่งปัญหาของฝั่งนี้ตามความเห็นของผมคือ bio-availability ต่ำ จาก 2 ปัจจัยคือ วิธีการเตรียมอาหารที่ขั้นตอนลดลง (ไม่สลาย anti-nutrient) และคุณภาพของดินในปัจจุบัน ทำให้สุดท้ายแล้วกลุ่มที่ทาน plant-based ในปัจจุบันส่วนใหญ่สารอาหารไม่ถึง ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ไม่มีประสิทธิภาพ และเป็น chronic stress ในที่สุด

2) หันไปทาง ketogenic diet ซึ่งตามที่ผมได้ลองทำแล้ว แก้ปัญหาความอ้วนได้ดีมาก น้ำหนักผมลงมา 25 % แต่หลังจากผม research ไปสักพักผมดันเจอความจริงอันน่าตกใจที่ว่า การกิน ketogenic diet มันแค่พรางปัญหา แต่ไม่ได้แก้ลงไปที่สาเหตุ ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น เพราะการที่กิน keto -> mostly meat นั้นมันทำให้ร่างกายเราเครียดขึ้น เมื่อร่างกายเครียดขึ้น จะรันบน cortisol/adrenaline และร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือปัญหาที่คาดเดาไม่ได้ในอนาคต

บางท่าน (รวมถึงผมในอดีต) อาจจะแย้งว่าก็ดีแล้วที่ร่างกายเรากลับมา function ตามปกติ แต่ความน่ากลัวกำลังค่อย ๆ คืบคลานมา นั่นคือระดับ T3 ที่ลดต่ำลง เพราะ chronic stress มีจุดเริ่มต้นจากตรงนี้ เมื่อระดับ T3 ต่ำลงเป็นระยะเวลาที่ยาวนานแล้วจะกระทบ pituitary เพราะ pituitary ใช้ T3 ในการผลิต ACTH เพื่อสั่งต่อมหมวกไตให้ผลิต cortisol หมายความว่า ถ้า T3 ต่ำเป็นระยะเวลานาน (ตามความเห็นผมคือครึ่งปี หรือรอบของฤดูหนาว) ก็จะทำให้ cortisol ต่ำลงด้วย (นักวิจัยบางท่านมีความเห็นว่า adrenal fatigue ไม่ได้เกิดจากต่อมหมวกไตทำงานหนักไป แต่เกิดจาก ACTH ต่ำจาก T3 ที่ต่ำ ซึ่งผมเห็นด้วย) และเมื่อ cortisol (ฮอร์โมนในการจัดการความเครียด) ต่ำกว่าระดับของความเครียดที่เข้ามากระทบตัวเรา สุดท้าย stress ส่วนเกินก็จะถูกแสดงออกมาในรูป ความเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือจิตใจในที่สุด

ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่เดินตามท้องถนนมีรูปร่างอยู่เพียง 2 แบบคือ อ้วน ซึ่งผมให้นิยามว่า หุ่นอักเสบ หรือ ผอม/หุ่นนักกีฬา ซึ่งผมตั้งชื่อเล่นว่า หุ่น stress ซึ่งทั้ง 2 แบบต่างมีข้อเสียเดียวกันคือ เจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและทางจิตใจได้ง่าย (conspiracy theorist บางท่านถึงกับกล่าวว่าปัญหาทางจิตเวช เกิดจากภาวะ hypothyroid)

แล้วเราจะไม่สามารถออกจาก loop นรกนี้ได้จริงหรอ หรือจริง ๆ แล้ว Standard American Diet ถูกอยู่แล้ว แต่ถ้าถูกจริง ทำไมยิ่งกิน S.A.D. ยิ่ง sad ล่ะ

Further Readings

https://paulrobinsonthyroid.com/t3-thyroid-hormone-and-cortisol-relationships-summary/

https://youtu.be/GB64c96WqTg

#siamstr
Author Public Key
npub1lptg8jr5v8al3gjh8hvy92u3nnxc498jlu587tcs63paqa5dnkjshn362z